PlanetComm ชี้ธุรกิจฟื้นตัวครึ่งปีหลัง เชื่อมั่นพลิกกลับมามีกำไร เผยตุนแบ็คล็อกกว่า 400 ล้าน เริ่มทยอยรับรู้รายได้ Q2/2560
“แพลนเน็ตคอม” มั่นใจฟื้นตัวครึ่งปีหลัง เผยมีแบ็คล็อกกว่า 400 ล้านบาท พร้อมลุยประมูลงานมูลค่ารวมกว่า 2,000 ล้านบาท ยอมรับไตรมาสแรก รายได้ลดลงจากปีก่อน เนื่องจากการตั้งค่าเผื่อการลดลงของมูลค่าสินค้าคงเหลือและโครงการที่ส่งมอบในไตรมาสแรกเลื่อนไปเป็นไตรมาสที่ 2 และ 3
คุณประพัฒน์ รัฐเลิศกานต์ กรรมการผู้อำนวยการและหัวหน้าเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท แพลนเน็ต คอมมิวนิเคชั่น เอเชีย จำกัด (มหาชน) หรือชื่อในตลาดหลักทรัพย์ PCA เปิดเผยถึงผลประกอบการในไตรมาสแรกที่ค่อนข้างชะลอตัว โดยในไตรมาส 1/2560 บริษัทมีรายได้จากการขายและบริการจำนวน 102.85 ล้านบาท ลดลง 7.67 ล้านบาท หรือลดลง 6.9% จากงวดเดียวกันของปีก่อนที่มีรายได้จากการขายและบริการ 110.53 ล้านบาท เนื่องจากมีหลายโครงการส่งมอบในไตรมาสแรก ถูกเลื่อนไปเป็นไตรมาสที่ 2 และ 3 ในขณะที่บริษัทฯ มีกำไรขั้นต้น 5.05 ล้านบาท หรือคิดเป็นอัตรากำไรขั้นต้น 4.91% ลดลง 12.81% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรขั้นต้น 19.58 ล้านบาท หรือคิดเป็นอัตรากำไรขั้นต้น 17.72% ซึ่งมีผลมาจากการตั้งค่าเผื่อการลดลงของมูลค่าสินค้าคงเหลือประมาณ 6 ล้านบาท ในกลุ่มสินค้ากล่องรับสัญญาณทีวีดิจิตอล รวมถึงเพิ่มการลงทุนสำหรับการวางระบบโครงข่ายไฟเบอร์ออพติกของแพลนเน็ตไฟเบอร์ นอกจากนี้บริษัทฯ มีค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานจำนวน 43.29 ล้านบาท ลดลง 1.34 ล้านบาท หรือ 3% จากงวดเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากนโยบายในการประหยัดและลดค่าใช้จ่ายต่างๆ ลง โดยบริษัทฯ ขาดทุนสุทธิ 34.30 ล้านบาท หรือคิดเป็นอัตราขาดทุนสุทธิ 32.72% ของรายได้รวม เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อนที่มีผลขาดทุน 22.30 ล้านบาท หรือ 20.12% ของรายได้รวม
อย่างไรก็ตาม บริษัทฯ คาดว่าในไตรมาส 2/2560 จะมียอดขายใกล้เคียงกับยอดขายจากไตรมาสเดียวกันของปีก่อน หรือประมาณ 212 ล้านบาท ซึ่งจะสามารถรับรู้รายได้บางส่วนจากแบ็คล็อกที่ยกมาจากไตรมาสแรก และยังมีใบสั่งซื้อใหม่ในไตรมาส 2 รวมถึงรายได้จากโครงการแลกกล่องรับสัญญาณทีวีดิจิตอลของ กสทช. และรายได้จากธุรกิจการเป็นผู้ให้บริการ โดยเชื่อมั่นว่าในไตรมาส 2 จะสามารถพลิกกลับมามีกำไรได้
สำหรับสถานการณ์ในครึ่งปีหลัง บริษัทฯ มีการเตรียมความพร้อมสำหรับการประมูลงานต่างๆ รวมมูลค่าประมาณ 2,000 ล้านบาท โดยมีเป้าหมายว่า บริษัทฯ จะได้งานประมาณ 25% จากมูลค่าโครงการทั้งหมด