Telemedicine “ตัวช่วยใหม่ทางการแพทย์”
ใช้งบเพียง 40,000 – 50,000 บาทต่อโรงพยาบาล
PlanetComm ชี้ Telemedicine ช่วยบุคลกรทางการแพทย์ลดความเสี่ยงติดเชื้อโควิดได้ ใช้งบน้อยแค่ 40,000-50,000 บาทต่อโรงพยาบาลเท่านั้น
นายประพัฒน์ รัฐเลิศกานต์ กรรมการผู้อำนวยการและหัวหน้าเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท แพลนเน็ต คอมมิวนิเคชั่น เอเชีย จำกัด (มหาชน) ผู้ประกอบธุรกิจให้บริการเทคโนโลยีสื่อสารโทรคมนาคมและดิจิทัลทีวีแบบครบวงจร ให้สัมภาษณ์ผ่านรายการอาเจนด้า ทูเดย์ ถึงการพัฒนา การแพทย์ทางไกล (Telemedicine) โดยเชื่อมต่อผ่านเครื่อข่ายอินเทอร์เน็ตความเร็วสูงว่า เป็นระบบการสื่อสารระหว่างแพทย์ที่ประจำอยู่โรงพยาบาลกับผู้ป่วยที่อยู่ในพื้นที่ห่างไกล เป็นระบบที่มีมานานกว่า 5 ปีแล้ว ตั้งแต่ที่มีโรคทางเดินหายใจเฉียบพลันรุนแรง (ซาร์ส) เกิดขึ้น มีการใช้ระบบดังกล่าวในการพูดคุยและรักษาพยาบาล ซึ่งในปัจจุบันโครงข่ายอินเตอร์เน็ตความเร็วสูงในประเทศค่อนข้างครอบคลุมแล้ว ขณะที่หน่วยงานทางการแพทย์คุ้นเคยกับการประชุมทางไกล และขณะนี้มีการพัฒนาแพลตฟอร์มของระบบการแพทย์ทางไกล (Telemedicine) ให้ใช้งานได้ง่าย รวดเร็ว และสะดวกขึ้น
“ประเทศไทยน่าจะนำระบบนี้มาใช้ท่ามกลางวิกฤติโควิด-19 ได้ เพื่อช่วยลดความเสี่ยงในการติดเชื้อ จะช่วยสร้างระยะห่างตามแนวทาง Social distancing ได้ ทำให้บุคลากรทางการแพทย์ได้มีระยะห่างจากผู้ป่วย โดยแพทย์ไม่จำเป็นต้องไปเยี่ยมคนไข้ถึงตัว สามารถใช้ระบบดังกล่าวผ่านผู้ช่วยหรืออาสาสมัครที่ไปเยี่ยมคนไข้บนเตียงเพื่อลดความเสี่ยงในการติดเชื้อโรค หากจะนำระบบดังกล่าวมาใช้ต้องลงทุนซื้อ โดยเวลานี้มีหลายหน่วยงานที่ให้ความสนใจ เช่น มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ที่สนใจในการนำไปใช้ ซึ่งทางบริษัทได้เสนอไปกับมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์และหลายโรงพยาบาลให้ทดลองใช้ดู”
นายประพัฒน์ กล่าวอีกว่า ระบบการแพทย์ทางไกล (Telemedicine) ดังกล่าวนี้ ประกอบด้วยอุปกรณ์และเครื่องมือวัดสัญญาณชีพ ซึ่งเชื่อมต่อกับโครงข่ายอินเทอร์เน็ต ทำให้สามารถบันทึกข้อมูลจากการวัดอุณหภูมิ ความดัน หรือเสียงหัวใจเต้น เสียงปอดเก็บไว้ได้ และแพทย์สามารถดูประวัติข้อมูลจากผู้ป่วยได้ทันที อีกทั้งมีระบบประชุมทางไกล (Video Conference) ให้แพทย์และผู้ป่วยสามารถพูดคุยแบบเห็นหน้ากันได้เสมือนอยู่ที่เดียวกัน คนไข้จะไม่จำเป็นต้องเดินทางไปโรงพยาบาล ทั้งนี้ระบบดังกล่าวมีงบประมาณเริ่มต้นเพียงประมาณ 40,000-50,000 บาทต่อหนึ่งโรงพยาบาล ขึ้นอยู่กับการสนับสนุนงบประมาณของทางรัฐบาล ขณะเดียวกันยังทราบว่าขณะนี้มีกลุ่มคนที่จะซื้อไปบริจาคด้วย