PLANET โชว์กำไรปี 64 โต 174.59%
ลุ้นกำไรโตก้าวกระโดด หลังโครงการขยายการลงทุนคืบหน้าตามแผน
PLANET โชว์กำไรปี 64 โต 174.59% หลังรักษาอัตรากำไรขั้นต้น-คุมต้นทุนดี “ประพัฒน์ รัฐเลิศกานต์” มั่นใจแนวโน้มกำไรเติบโตต่อเนื่อง ตั้งแต่ปี 65 เป็นต้นไป มีลุ้นกำไรโตก้าวกระโดด หลังโครงการขยายการลงทุนคืบหน้าตามแผน
นายประพัฒน์ รัฐเลิศกานต์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท แพลนเน็ต คอมมิวนิเคชั่น เอเชีย จำกัด (มหาชน) หรือ PLANET ผู้ให้บริการเทคโนโลยีดิจิทัลแบบครบวงจร เปิดเผยว่า ผลจากการบริหารต้นทุนและค่าใช้จ่ายอย่างประสิทธิภาพ ส่งผลให้ผลการดำเนินงานในปี 2564 บริษัทฯ มีผลกําไรสุทธิ 6.70 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 174.59% จากปี 2563 ที่มีกําไรสุทธิ 2.44 ล้านบาท ขณะที่ในปี 2562 บริษัทฯ มีผลการดำเนินงานขาดทุนสุทธิ 1 ล้านบาท
โดยในปี 2564 บริษัทฯมีค่าใช้จ่ายทางการเงินรวมเท่ากับ 9.38 ล้านบาท ลดลงถึง 49.05% เมื่อเทียบกับปี 2563 ซึ่งมีค่าใช้จ่ายการเงินอยู่ที่ 18.41 ล้านบาท โดยเป็นผลมาจากการลดลงของดอกเบี้ยเงินกู้ยืมระยะสั้นซึ่งบริษัทฯ ได้มีการชําระคืนเงินต้นแก่ธนาคาร อีกทั้งยังเกิดจากนโยบายการบริหารสภาพคล่องโดยเพิ่มประสิทธิภาพในการติดตามการจ่ายชําระหนี้จากลูกค้า และนํามาชําระหนี้เงินกู้ยืมธนาคารเพื่อลดค่าใช้จ่ายดอกเบี้ย”
ขณะที่ต้นทุนรวมในปี 2564 อยู่ที่ 298.55 ล้านบาท คิดเป็น 70.62% ของรายได้จากการขายสินค้าและบริการ และมีกําไรขั้นต้นที่ 29.38% ทั้งนี้ จะพบว่าจากการบริหารต้นทุนที่มีประสิทธิภาพทําให้อัตรากําไรขั้นต้นในปี 2564 สูงขึ้นจากปี2563 ซึ่งมีอัตรากําไรขั้นต้นที่ 24.37 %
นายประพัฒน์ กล่าวต่อว่า ในปี 2564 แม้สถานการณ์ COVID-19 ส่งผลให้การลงทุนในโครงการใหญ่ทั้งภาครัฐและเอกชนเกิดการชะลอตัว และการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วของเทคโนโลยี จะส่งผลให้บริษัทฯ มีรายได้รวมลดลงถึง 28.20% จากปี 2563 และมีรายได้จากการดําเนินงาน 422.73 ล้านบาท ลดลง 29.08% เมื่อเทียบกับปี 2563 จากรายได้จากการขายสินค้ารวมถึงงานโครงการที่ลดลง 37.88%
แต่พบว่ารายได้จากการบริการเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยในปี 2564 เพิ่มขึ้น 12.32 ล้านบาท หรือคิดเป็น 11.62% จากการที่บริษัทฯ ได้เริ่มมุ่งเน้นการขายบริการ เช่น บริการให้เช่าอุปกรณ์ และบริการหลังการขายเพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าที่ต้องการบํารุงรักษาอุปกรณ์เดิมและหลีกเลี่ยงการลงทุนเพิ่มเติมในยุคเศรษฐกิจชะลอตัว
Smart Pole ณ ศาลากลาง Khon Kaen City Hall
นายประพัฒน์ กล่าวมั่นใจว่า แนวโน้มธุรกิจจะเริ่มเติบโตอย่างมั่นคงตั้งแต่ปี 2565 เป็นต้นไป หลังจากในช่วงปี 2564 ที่ผ่านมา บริษัทฯได้ตัดสินใจขยายกิจการและลงทุนใหม่ๆเกี่ยวกับการพัฒนาโครงการด้านเทคโนโลยีขั้นสูง อาทิ ธุรกิจไปด้านเทคโนโลยีอินเทอร์เน็ตออฟธิงส์ (Internet of Things: IoT) นวัตกรรมด้านระบบปัญญาประดิษฐ์ (Artificial Intelligence: AI) แพลตฟอร์มข้อมูลเมือง (City Data Platform) ระบบเสาอัจฉริยะ (Smart Pole) และกลุ่มสินค้าด้านเทคโนโลยี 5G
นอกจากนี้ ขยายการลงทุนไปยังงานภาคธุรกิจด้านสาธารณูปโภค (Utilities) โดยได้จัดตั้ง บริษัทย่อย คือ บริษัท แพลนเน็ตยูทิลิตี้ จำกัด (PLANET-UT) ขึ้นมาเพื่อลงทุนในธุรกิจบริหารจัดการน้ำและไฟฟ้าตามแผนการดำเนินธุรกิจระยะยาว รวมถึง ยังได้ขยายธุรกิจไปสู่เทคโนโลยีด้านกลุ่มระบบรักษาความปลอดภัยทางด้านไซเบอร์ Cyber Security โดยได้จัดตั้งบริษัทย่อยแห่งใหม่ชื่อ บริษัท แพลนเน็ต ไซเบอร์ จำกัด เพื่อประกอบกิจการ ซื้อ ขาย ออกแบบ ติดตั้ง และให้บริการหลังการขาย ผลิตภัณฑ์ทางด้านระบบการรักษาความปลอดภัยทางไซเบอร์ให้แก่ภาครัฐ และภาคเอกชน และล่าสุด บริษัทฯได้ลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ (MOU) กับ บริษัท ซิลิคอน เทคโนโลยี่ พาร์ค จำกัด เพื่อการก่อสร้างและพัฒนาโครงการศูนย์นวัตกรรมดิจิทัลและเทคโนโลยีขั้นสูงบ้านฉาง หรือ EEC SILICON TECH PARK มูลค่ารวม 5 พันล้านบาท โดยบริษัทฯ จะมีรายได้จากค่าดำเนินการในการบริหารโครงการร้อยละ 10 ของมูลค่าโครงการ “ขณะนี้ บริษัทฯอยู่ระหว่างปรับโครงสร้างองค์กรเพื่อรองรับการขยายการลงทุนและการดำเนินธุรกิจที่มาจากการลงทุนใหม่ๆ โดยจะดำเนินควบคู่ไปกับการรักษารายได้จากการจำหน่ายสินค้าและบริการเดิมด้านโทรคมนาคม และเพิ่มยอดขายด้วยโซลูชัน New S-Curve เพื่อเจาะตลาดกลุ่มใหม่ ซึ่งจากการขยายกิจการและลงทุนใหม่ๆดังกล่าวในข้างต้นถือว่ามีแนวโน้มได้ผลตอบรับที่ดี ทำให้มั่นใจว่าบริษัทมีโอกาสเติบโตอย่างก้าวกระโดดในอนาคต” นายประพัฒน์กล่าว