PLANET ปลื้ม! ธุรกิจใหม่ดันรายได้ หนุนกำไร Q1/65 เพิ่มขึ้น
PLANET ปลื้ม! ธุรกิจใหม่ดันรายได้ หนุนกำไร Q1/65 เพิ่มขึ้น หลังปรับกลยุทธ์เน้นเจาะตลาดสินค้า New S Curve กลุ่มธุรกิจใหม่ด้านสาธารณูปโภค และงานบริหารจัดการโครงการ EEC SILICON TECH PARK เริ่มเดินหน้าสร้างรายได้ตามแผน ด้านบิ๊กบอส “ประพัฒน์ รัฐเลิศกานต์” ชี้ การขยายธุรกิจคืบหน้าดีตามแผนทุกด้าน ทั้งงานด้านสาธารณูปโภค งานในพื้นที่อีอีซี งานระบบรักษาความปลอดภัยทางด้านไซเบอร์ (Cyber Security) และงานด้านการพัฒนาสถานีชาร์จรถยนต์พลังงานไฟฟ้า (EV) ขณะที่กลุ่มธุรกิจระบบสื่อสารโทรคมนาคมแบบ ยังมีโครงการประมูลใหม่ๆเข้ามาอย่างต่อเนื่อง ลุ้นเติบโตอย่างก้าวกระโดด
นายประพัฒน์ รัฐเลิศกานต์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท แพลนเน็ต คอมมิวนิเคชั่น เอเชีย จำกัด (มหาชน) หรือ PLANET ผู้ให้บริการเทคโนโลยีดิจิทัลแบบครบวงจร เปิดเผยว่า เปิดเผยว่า ผลการดำเนินงานในไตรมาสที่ 1 ปี 2565 บริษัทฯ มีรายได้จากการขายสินค้าและบริการจำนวน 112.94 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 28.58 ล้านบาท หรือ 33.88% เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันในปี 2564 ที่มีรายได้จากการดําเนินงาน 84.36 ล้านบาท โดยสาเหตุหลัก มาจากการขายงานโครงการในธุรกิจด้านสาธารณูปโภค 33.17 ล้านบาท ซึ่งแสดงให้เห็นถึงการดําเนินงานที่เป็นไปตามแผนการลงทุนในธุรกิจใหม่ของกลุ่มบริษัทได้เป็นอย่างดี
“ จากการดําเนินงานตามแผนการลงทุนในการขยายธุรกิจเพิ่มเติมโดยมุ่งตลาดสินค้า New S Curve และกลุ่มธุรกิจใหม่อย่างการบริหารจัดการด้านสาธารณูปโภค เช่น โครงการบริหารจัดการนํ้าสูญเสีย และงานบริหารจัดการโครงการ EEC SILICON TECH PARK ส่งผลให้ในไตรมาสที่ 1 ปี 2565 บริษัทฯ มีรายได้รวมเพิ่มขึ้นจากไตรมาสเดียวกันของปีก่อนส่งผลให้ในไตรมาสแรกของปีนี้ บริษัทฯ ยังสามารถทํากําไรสุทธิได้ถึง 2.13 ล้านบาท เพิ่มขึ้นช่วงเดียวกันของปีก่อนซึ่งมีกําไรสุทธิ 0.13 ล้านบาท” นายประพัฒน์กล่าว
นอกจากนี้ จากการบริหารต้นทุนและควบคุมค่าใช้จ่ายบริหารอย่างมีประสิทธิภาพ ทำให้ในส่วนของค่าใช้จ่ายในการบริหารรวมค่าเสื่อมราคาและค่าตัดจําหน่ายในไตรมาสที่ 1 ปี 2565 และ ปี 2564 เท่ากับ 23.59 ล้านบาทและ 21.03 ล้านบาท หรือคิดเป็นอัตราร้อยละ 20.68 และ 24.54 ของรายได้รวมตามลําดับ สัดส่วนค่าใช้จ่ายในการบริหารเมื่อเทียบกับรายได้รวมปรับตัวลดลงจากไตรมาสเดียวกันปี 2565
ขณะที่ ต้นทุนขายและบริการในไตรมาสที่ 1 ปี 2565 มีจํานวน 76.51 ล้านบาท หรือคิดเป็นร้อยละ 67.75 ของรายได้จากการขายสินค้าและบริการ ส่งผลให้มีอัตรากําไรขั้นต้นร้อยละ 32.25 เมื่อเทียบกับไตรมาสที่ 1 ปี 2564 ซึ่งมีต้นทุนขายและบริการคิดเป็นอัตราร้อยละ 60.88 และกําไรขั้นต้นคิดเป็นอัตราร้อยละ 39.12 จะพบว่าอัตราต้นทุนขายและบริการเมื่อเทียบกับรายได้จากการดําเนินงานในไตรมาสนี้ เปลี่ยนแปลงเพิ่มขึ้นเล็กน้อยจากปี 2564
“นอกจากนี้ การปรับเปลี่ยนแนวทางการส่งเสริมการขายให้สอดคล้องกับยุค New Normal ยังเป็นเหตุผลหลักที่ทําให้ในไตรมาสที่ 1 ปี 2565 บริษัทฯ มีสัดส่วนค่าใช้จ่ายในการขาย เมื่อเทียบกับยอดขายลดลง เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยมีค่าใช้จ่ายในการขายเท่ากับ 8.81 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 7.73 ของรายได้รวม ลดลงจากไตรมาสเดียวกันปี 2564 ที่มีค่าใช้จ่ายในการขาย 7.25 ล้านบาท หรือร้อยละ 8.46”นายประพัฒน์กล่าว
นายประพัฒน์ กล่าวต่อว่า ทิศทางธุรกิจของบริษัทฯ หลังจากนี้ มีโอกาสที่จะเติบโตอย่างก้าวกระโดด ตามแผนการขยายการลงทุนในธุรกิจใหม่ๆ เนื่องจาก แต่ละธุรกิจมีความคืบหน้าเป็นไปตามแผน ซึ่งจะส่งผลดีต่อรายได้ของบริษัทให้ฯเติบโตเพิ่มขึ้นในอนาคต ทั้งธุรกิจด้านสาธารณูปโภค งานบริหารจัดการโครงการ EEC SILICON TECH PARK รวมถึงธุรกิจด้านเทคโนโลยีกลุ่มระบบรักษาความปลอดภัยทางด้านไซเบอร์ (Cyber Security) และล่าสุด งานด้านการพัฒนาสถานีชาร์จรถยนต์พลังงานไฟฟ้า (EV) ด้วยนำการใช้เทคโนโลยี Internet of Thing ( IoT ) มาใช้ หลังจากได้ลงนามบันทึกความเข้าใจ (MOU) กับบริษัท เอกรัฐวิศวกรรม จำกัด (มหาชน) หรือ AKRไปเมื่อเร็วๆนี้ ขณะที่กลุ่มธุรกิจระบบสื่อสารโทรคมนาคมแบบครบวงจรสำหรับลูกค้าทั้งภาครัฐและภาคเอกชนที่มีโครงการประมูลใหม่ๆเข้ามาอย่างต่อเนื่อง