PLANET ธุรกิจมั่นคง-การเงินแข็งแกร่ง ชี้ธุรกิจใหม่ “Data Center – EV – พลังงานไฟฟ้า” เริ่มส่งสัญญาณเติบโต เผยตุน Backlog แล้วกว่า 400 ลบ. มีลุ้นคว้างานเพิ่ม
PLANET ธุรกิจแกร่ง-การเงินมั่นคง ชี้ ธุรกิจใหม่ Data Center – รถยนต์EV-พลังงานไฟฟ้า เริ่มส่งสัญญาณสร้างผลตอบแทนช่วงที่เหลือของปีนี้ ลั่นเดินหน้าลงทุนในธุรกิจใหม่ๆอย่างต่อเนื่อง เผยขณะนี้ตุนงานในมือ (Backlog) แล้วกว่า 400 ล้านบาท ทยอยรับรู้ทั้งหมดในปีนี้ แถมมีลุ้นคว้างานเพิ่ม
นายประพัฒน์ รัฐเลิศกานต์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท แพลนเน็ต คอมมิวนิเคชั่น เอเชีย จำกัด (มหาชน) หรือ PLANET กล่าวชี้แจงกรณีราคาหุ้นบริษัทฯ ปรับตัวลดลงในช่วงที่ผ่านมา ว่า สถานะทางการเงินของบริษัทฯยังมีความมั่นคงและแข็งแกร่ง ขณะที่ธุรกิจต่างๆ ยังคงดำเนินงานเป็นไปตามแผนงานที่วางไว้ และเริ่มมีสัญญาณของการเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยขณะนี้มีงานในมือรอรับรู้รายได้ (Backlog) แล้วกว่า 400 ล้านบาท ซึ่งจะทยอยรับรู้ทั้งหมดภายในปีนี้
ทั้งนี้ บริษัทย่อยและกลุ่มธุรกิจใหม่ของ PLANET อยู่ในช่วงแรกของการลงทุน เพื่อสร้างรายได้เพิ่มเติม จากธุรกิจเดิมเกี่ยวกับเทคโนโลยีระบบสื่อสารโทรคมนาคม ที่แนวโน้มเติบโตไม่มากแล้ว เนื่องจากการเปลี่ยนแปลงทางเทคโนโลยี แต่ยังมีงานจําหน่ายอุปกรณ์สถานีดาวเทียมภาคพื้นดินใหักับสถานีโทรทัศน์ต่างๆ (Broadcast) และงานในส่วนเทคโนโลยีด้านความมั่นคง ที่ยังแข็งแรงและให้บริการอยู่อย่างต่อเนื่อง ซึ่งบริษัทฯ จะพยายามรักษายอดรายในส่วนธุรกิจดั้งเดิมนี้ ให้ได้ 600-800 ลบ.ต่อปี
อย่างไรก็ตาม ในส่วนกลุ่มธุรกิจใหม่ของบริษัทฯ ขณะนี้เริ่มส่งสัญญาณสร้างรายได้แล้ว อาทิ ธุรกิจเกี่ยวกับ Data Center หลังจากที่ประชุมผู้ถือหุ้นประจำปี 2566 อนุมัติให้บริษัทฯ ซื้อและรับโอนกิจการทั้งหมด ของบริษัท อีอีซี จีซี โฮลดิ้งส์ จำกัด (EEC GC Holdings) ผู้ให้บริการคลาวด์เซอร์วิสและ Data Center มูลค่า 270 ล้านบาท มั่นใจว่าจะนำมาซึ่งโอกาสสร้างรายได้อย่างต่อเนื่อง เนื่องจากทาง EEC Global ได้ทำ MOU ร่วมกับ EEC ในการให้บริการ Data Center, Cloud Service และ Platform Development ในบริเวณพื้นที่ของ EEC จึงมองเห็นโอกาสใน Data Center ของ EEC Global เนื่องจากมีทำเลที่ตั้งที่ดี ตั้งอยู่ที่จังหวัดระยองใกล้กับนิคมอุตสาหกรรมซึ่งเป็นกลุ่มผู้ที่มีโอกาสมาเป็นลูกค้า (Potential Customers) โดยในช่วงมิ.ย.นี้ บริษัทฯ จะเริ่มให้มีการทดสอบระบบการให้บริการ และคาดว่าจะสามารถเปิดให้บริการได้ภายในปีนี้
ขณะที่ธุรกิจรถยนต์ไฟฟ้าและสถานีชาร์จ EV ภายใต้ บริษัท แพลนเน็ต อีวี จำกัด (Planet EV) บริษัทย่อย ถือว่ามีความคืบหน้าไปมาก หลังจากมีการเพิ่มทุนจดทะเบียนของ Planet EV จากทุนจดทะเบียนเดิม 5,000,000 ล้านบาท แบ่งออกเป็นหุ้นสามัญจำนวน 500,000 หุ้น เป็น 10,000,000 บาท แบ่งออกเป็นหุ้นสามัญจำนวน 1,000,000 หุ้น มูลค่าหุ้นละ 10 บาท เพื่อเพิ่มสภาพคล่องและขยายธุรกิจในอนาคต โดยขณะนี้มีพันธมิตรเข้ามาสนใจร่วมลงทุนแล้ว ซึ่งเร็วๆนี้จะมีข่าวดี
นอกจากนี้ ในกลุ่มธุรกิจใหม่ เกี่ยวกับพลังงานไฟฟ้า ล่าสุด PLANET ได้ร่วมพิธีลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ (MOU) กับ บมจ. สาลี่ คัลเล่อร์ (COLOR) เพื่อดำเนินโครงการบริการจัดการไฟฟ้าจากระบบผลิตไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ที่ติดตั้งแบบทุ่นลอยน้ำ (Floating Solar) ของบริษัท เหล็กสยามยามาโตะ จำกัด ขนาดกำลังผลิตไม่ต่ำกว่า 11,984 กิโลวัตต์สูงสุด (kWp) ภายในบริเวณบ่อน้ำ นิคมอุตสาหกรรมมาบตาพุด จังหวัดระยอง มูลค่ารวม 347 ล้านบาท และมั่นใจว่าหลังจากนี้ บริษัทฯ มีโอกาสต่อยอดได้งานด้านพลังงานเพิ่ม โดยขณะนี้อยู่ระหว่างการเจรจาในหลายภาคส่วน
สำหรับธุรกิจให้บริการอินเทอร์เน็ตความเร็วสูงผ่านโครงข่ายใยแก้วนําแสง (Fiber Optic) สำหรับคอนโดมิเนียมชั้นนำระดับกลางและสูงกว่า 80 โครงการ ภายใต้การดำเนินงานของ บริษัท แพลนเน็ตไฟเบอร์ จํากัด (PlanetFiber) ซึ่งเป็นบริษัทย่อยนั้น บริษัทฯ มีแผนให้บริษัทโทรคมนาคมเอกชนผู้ให้บริการเครือข่ายโทรศัพท์มือถือทุก Operators เช่าโครงข่าย Fiber Optic ของบริษัทฯ เพื่อเพิ่มโอกาสในการสร้างรายได้ให้กับบริษัทฯ และOperators ทุกรายที่เข้าร่วมโครงการ ซึ่งตอนนี้ได้รับการตอบรับที่ดี และเริ่มดำเนินงานไปแล้ว 3-4 คอนโดฯ ทั้งนี้ PLANET ยังอยู่ระหว่างการเจรจากับผู้ประกอบการธุรกิจคอนโดมิเนียมที่ขึ้นใหม่ เพื่อเข้าติดตั้งโครงข่าย Fiber Optic อย่างต่อเนื่อง
“ ส่วนผลประกอบการในไตรมาส1/2566 ที่มีผลขาดทุนสุทธิ 18.61 ล้านบาท เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันปี 2565 ที่มีกําไรสุทธิที่ 2.13 ล้านบาท เป็นเพราะบริษัทย่อยและกลุ่มธุรกิจใหม่ของบริษัทฯ อยู่ในช่วงแรกของการลงทุน อีกทั้งบางโครงการยังไม่สามารถรับรู้รายได้ในไตรมาสนี้ แต่อย่างไรก็ตาม ธุรกิจใหม่ขณะนี้เริ่มส่งสัญญาณที่ดีแล้ว จึงขอให้ผู้ถือหุ้นและนักลงทุนมีความมั่นใจว่า PLANET ยังเดินธุรกิจไปอย่างต่อเนื่องและมั่นคง และขอยืนยันว่า คณะผู้บริหารของบริษัทฯ ยังคงมุ่งมั่นและตั้งใจปฏิบัติหน้าที่ดำเนินธุรกิจด้วยหลักธรรมาภิบาลและยึดถือผลประโยชน์ของบริษัทและผู้ถือหุ้นเป็นสำคัญ ” นายประพัฒน์กล่าว